เมื่อเอ่ยถึงแบรนด์ “วอลโว่” ภาพจำในใจของผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยจะนึกถึง คนแก่หรือไม่ก็รูปทรงเหลี่ยม แข็งทื่อ ไร้เส้นสายโค้งมนของตัวรถ ทั้งหมดที่กล่าวมากำลังจะกลายเป็นอดีตไป หลังการเผยโฉมของ “เอ็กซ์ซี60”โมเดลที่กลายเป็นสัญลักษณ์การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของวอลโว่
ด้วยรูปโฉมภายนอก ดีไซน์ฉีกแนวทางเดิมไปอย่างสิ้นเชิงตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นคอนเซ็ปต์คาร์ และเมื่อคลอดออกมาจำหน่ายจริงไม่ทำให้คนรอต้องผิดหวัง โดยได้รับคำชื่นชมจากสื่อมวลชนและคว้ารางวัลมายืนยันความสำเร็จมากมายทั้งด้านการออกแบบและความปลอดภัย
สำหรับเมืองไทย “วอลโว่ คาร์ส ประเทศไทย” นำ เอ็กซ์ซี60 เข้ามาเปิดตัวทำตลาดด้วยเช่นกัน เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา โดยเป็นรูปแบบนำเข้าสำเร็จรูปทั้งคัน(CBU) แนวทางการทำตลาดแบบCBUกำลังจะกลายเป็นหลักของวอลโว่แทนการขึ้นไลน์ประกอบในประเทศไทย(CKD)ไปเสียแล้ว เพราะยอดขายทั้งแบรนด์วอลโว่หดตัวลงอย่างมีนัยยะสำคัญ ทำให้ไม่คุ้มหากจะทำการขึ้นไลน์ผลิต
เนื่องจากการผลิตรถยนต์แต่ละรุ่นจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนสูง หากยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าอาจจะทำให้บริษัทฯ ประสบปัญหาได้ ดังนั้นคงไม่แปลกใจหากอนาคตจะเห็นโมเดลใหม่ๆ ของวอลโว่ ใช้วิธีการนำเข้าแบบสำเร็จรูปมาทำตลาด
แนวทางดังกล่าวจะมีผลอย่างมากต่อราคาขายของรถ ทำให้ผู้บริโภคที่อยากใช้รถวอลโว่ต้องจ่ายแพงกว่าเดิม ไม่ใช่เพื่อให้บริษัทฯ ได้กำไรมากขึ้น แต่เนื่องจากผู้บริโภคต้องจ่ายค่าภาษีนำเข้าสูงกว่ารถประกอบในประเทศต่างหาก
แน่นอนว่า แนวทางนี้วอลโว่เองไม่อยากจะทำแต่จำเป็นต้องเลือกเพื่อความอยู่รอด ท่ามกลางภาวะวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของโลกที่ยังไม่รู้ว่าถึงจุดต่ำสุดหรือยัง การลดความเสี่ยงและต้นทุนการดำเนินงานจึงเป็นอีกหนึ่งหนทางในการช่วยให้ค่ายรถยนต์สามารถเอาตัวรอดผ่านช่วงวิกฤตนี้ไปได้
กลับมาเข้าเรื่องของการทดลองขับเจ้าวอลโว่ เอ็กซ์ซี60 โดยทีมงาน“ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” มีโอกาสคลุกคลีอยู่กับเอ็กซ์ซี60เป็นเวลา 3 วันสบายๆ และก่อนที่จะไปถึงเรื่องราวของสมรรถนะ มาทำความรู้จักเอ็กซ์ซี60 คันเก่งกันก่อน
เอ็กซ์ซี60 ทำตลาดด้วยทางเลือกเดียวคือ เครื่องยนต์แบบดีเซล ขนาด 2.4 ลิตร 5 สูบ คอมมอนเรลเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 185 แรงม้า ที่4000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 2000-2750 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดพร้อมระบบเกียร์ทรอนิก(เล่นเกียร์ได้แบบเกียร์ธรรมดา) และขับเคลื่อนทุกล้อ
อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้น ด้วยความเป็นรถนำเข้าสำเร็จรูปส่งผลให้ เอ็กซ์ซี60 มีราคาค่าตัวแบบมาตรฐานอยู่ที่ 3.999 ล้านบาท ที่เราบอกเช่นนี้เพราะว่า วอลโว่ คาร์ส ประเทศไทย จัดชุดออพชั่น พิเศษ ไว้ให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภค โดยมีสนนราคาที่ต้องจ่ายเพิ่ม ดังต่อไปนี้
ออพชั่นพิเศษ จะมาเป็นแพคเกจ มีด้วยกัน3 แพคเกจได้แก่ ทางเลือกแรก ประกอบไปด้วย กล้องและสัญญาณเตือนมุมอับของสายตา, ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติแบบปรับเปลี่ยนได้, ระบบเตือนเพื่อป้องกันการชนและช่วยในการหยุดรถอัตโนมัติ, ระบช่วยให้ผู้ขับขี่รักษาระยะห่างจากรถคันหน้าได้, ระบบเตือนผู้ขับเมื่อขับรถออกนอกเส้นทางแบ่งช่องทางจราจร และระบบแจ้งเตือนผู้ขับขี่เมื่อแสดงอาการเหนื่อยล้าหรือขาดสมาธิ ทั้งหมดนี้เราต้องจ่ายเพิ่มรวม 350,000 บาท
ออพชั่นที่ 2 ระบบช่วงล่างแบบปรับเปลี่ยนได้ สามารถเลือกรูปแบบการขับขี่ได้ 3 สไตล์คือ คอมฟอร์ต(Comfort), สปอร์ต(Sport) และ แอดวานซ์(Advance) ราคา 120,000 บาท และออพชั่นสุดท้าย คือ หลังคากระจกแบบพาโนรามิค (Panoramic Roof) ราคา 150,000 บาท โดยออพทั้งหมดที่กล่าวมาจะติดตั้งจากโรงงานประกอบรถยนต์เกนท์ ในประเทศเบลเยี่ยม
ขณะที่อุปกรณ์เสริม(Accessory)ที่ติดตั้งในประเทศมีหลายรายการเช่น แผงกันชนหน้า ปลายท่อไอเสีย และดีวีดี เป็นต้น ซึ่งในส่วนนี้ต้องจ่ายเพิ่มอีกเท่าไหร่วอลโว่ ไม่ได้แจ้งเราไว้ โดยคันที่เราได้ทดลองขับนั้นมาแบบฟูลออพชั่น ครบทุกอย่างดังที่กล่าวมาทั้งหมด
การเดินทางเริ่มต้นยามค่ำคืนบนถนนวิภาวดี พลันสตาร์ทเครื่องโดยยังเปิดประตูรถอยู่ เสียงเครื่องยนต์ดีเซลภายนอกรถนั้นดังกระหึ่ม ไม่ต่างจากรถปิกอัพทั่วไป แต่เมื่อเราปิดประตูเรียบร้อย ความเงียบก็เข้าครอบงำทันที เสียงเครื่องยนต์ดังเข้ามารบกวนในห้องโดยสารน้อยมาก
เหยียบคันเร่งออกตัว เอ็กซ์ซี60 ตอบสนองแบบสบายๆ ตามสไตล์รถวอลโว่ คันเร่งหนักกำลังดี พวงมาลัยเบามือ หักเลี้ยวง่าย ขับเรื่อยๆ ความเร็วราว 60-90 กม./ชม. บนถนนวิภาวดี ในโหมดช่วงล่างแบบ คอมฟอร์ต ให้ความรู้สึกนุ่มนวล ไม่กระด้าง การทรงตัวมีโยนตัวบ้างตามลักษณะผิวถนน
แต่เมื่อลองเปลี่ยนช่วงล่างมาเป็นแบบ สปอร์ต คอยเวลาเพียงชั่วอึดใจเราจะรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลง ของช่วงล่างที่แข็งขึ้น รู้สึกถึงสภาพผิวถนนสะท้อนมาที่ตัวเราได้มากกว่าเดิม ยิ่งเจอช่วงที่สภาพผิวถนนเป็นคลื่นแรงสะเทือนชัดเจนมาก
เมื่อเปลี่ยนมาเป็นโหมด แอดวานซ์ เรายิ่งรับรู้ถึงแรงสะเทือนได้มากกว่าเดิม ช่วงล่างแข็งขึ้นไปอีกระดับ เจอคลื่นบนถนนเมืองไทย ต้องเรียกว่า เด้ง จนขับแทบไม่ได้เลย เมื่อวิ่งด้วยความเร็วเกิน 60 กม./ชม. เป็นต้นไป แต่ในโหมดนี้เมื่อวิ่งแบบในเมืองความเร็ว ไม่เกิน 40 กม./ชม. กลับให้ความรู้สึกมั่นคงกว่าโหมดอื่นอย่างชัดเจน
จากนั้นเราได้ลองขับบนทางด่วนดอนเมือง-โทลเวย์ วิ่งทดสอบในย่านความเร็วสูงราว 100-140 กม./ชม. ด้วยโหมดแรก คอมฟอร์ต รถขับสบายการส่งกำลังต่อเนื่องไหลลื่น จังหวะคิกค์ดาวน์รถพุ่งทันใจสมกับแรงบิดระดับ 400 นิวตันเมตร ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่ลงตัว ส่งผลให้ การแซงอุ่นใจในทุกจังหวะ
ยิ่งถ้าเราคิกค์ดาวน์แบบต่อเนื่อง 2 ครั้งซ้อน จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากการขับรถวอลโว่ในอดีตทีเดียว เนื่องจากกำลังมาต่อเนื่อง รถแรงไม่มีตก หรือออกอาการรอรอบแต่อย่างใด โดยเราสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 190 กม./ชม. บนถนนที่ว่างไร้รถร่วมทาง ขณะที่ความเร็วสูงสุดตามโบชัวร์ระบุไว้ 195 กม./ชม.
บนโทรลเวย์ เราได้ลองปรับเปลี่ยนโหมดของช่วงล่างเหมือนแบบที่ขับในย่างความเร็วปานกลาง พบว่า ความรู้สึกเหมือนเช่นการขับที่ผ่านมาคือ โหมดคอมฟอร์ตเหมาะสมที่สุดกับถนนเมืองไทย ขณะที่โหมดสปอร์ตและแอดวานซ์ ให้ความรู้สึกโยนตัวน้อยกว่าแต่รับรู้แรงสะเทือนจากผิวถนนชัดเจนมากขึ้นเช่นกัน
หลังจากลองขับแบบทางยาวๆ รับรู้ถึงสมรรถนะที่เปลี่ยนไปของเจ้าเอ็กซ์ซี60 แล้ว ลองมาใช้งานแบบวิ่งในเมือง ตัวถังดูภายนอกเหมือนจะใหญ่โตแต่เมื่ออยู่หลังพวงมาลัย สามารถขับซอกแซกได้อย่างไม่ต้องกังวลด้วยมุมมองของกระจกกว้างและทัศนวิสัยที่ดี มีเซนเซอร์รอบคัน คอยเตือนรถที่มาในมุมอับ รวมถึงอุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอันทันสมัยใส่มาให้อย่างมากมาย
หากจะให้เราเอ่ยถึงอุปกรณ์เสริมความปลอดภัยทั้งหมดคาดว่าพื้นที่จะไม่พอดังนั้นขอละไว้ให้ไปดูที่โชว์รูมเอง สำหรับสิ่งสำคัญที่จะลืมมิได้คือ อัตราการบริโภคน้ำมัน ตามการแสดงผลของหน้าจอระบุตัวเลข 9.4 กม./ลิตร จากการทดลองวิ่งทั้งหมดราว 300 กม. โดยส่วนใหญ่เป็นการขับแบบในเมือง
สรุป หากคุณกำลังมองหารถเอสยูวีสักคันที่มีความแปลก และฉีกแนว เอ็กซ์ซี60 ดูจะตอบโจทย์นั้นได้ แต่กับค่าตัว 3.999 ล้านบาท(ยังไม่รวมออพชั่นพิเศษ) ซึ่งแพงกว่า เอ็กซ์ซี90 ที่มีขนาดใหญ่กว่าและเป็นรุ่นสูงสุดของรถประเภทนี้ของวอลโว่ จึงทำให้ใครที่จะเลือกคบเอ็กซ์ซี 60 ต้องคิดหนักพอสมควร
ขอบคุณบทความจาก ผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น